เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๓ มิ.ย. ๒๕๖๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

 

ตั้งใจฟังธรรมะ คราวนี้เป็นธรรมะนะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากระเสือกกระสน สร้างบุญญาธิการมาจนได้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ๆ สิ่งที่เป็นพระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย สร้างสมมาขนาดนั้น การสร้างสมมาขนาดนั้น มาขวนขวาย มากระทำมาในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงได้บรรลุธรรมมา

 

ธรรมนี้ยิ่งใหญ่ๆ สัจธรรมนี้ยิ่งใหญ่นัก คุณธรรมนี้ยิ่งใหญ่นัก คำว่า “ยิ่งใหญ่” ยิ่งใหญ่เพราะอะไร เพราะว่ามันเป็นการดับการเกิด แก่ เจ็บ ตายทั้งสิ้น การเกิด การแก่ การเจ็บ การตายเป็นที่มาของความทุกข์ความยาก เป็นที่มาของการแสวงหา เป็นที่มาต่างๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สร้างสมบุญญาธิการมาขนาดนั้น มีอำนาจวาสนาบารมีขนาดนั้น ถึงได้ใช้ปัญญาของท่านค้นคว้าขึ้นมาในขณะนั้น เทศนาว่าการไป เห็นไหม คนที่ประพฤติปฏิบัติมามันต้องมีอำนาจวาสนาขึ้นมาเป็นบาทฐาน เป็นบาทฐานมันไม่เหลวไหล

 

มงคลตื่นข่าว เห็นแต่เรื่องเหลวไหลเป็นเรื่องจริง เรื่องสัจจะความจริงในหัวใจของตนน่ะมองข้าม ความทุกข์ความยากในหัวใจนี้มันยิ่งใหญ่นัก เกิดมาเวลาบ่นกันเรื่องความทุกข์ๆ มีแต่ความทุกข์ความยากในหัวใจทั้งนั้น แล้วเวลาเป็นจริงขึ้นมา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศีล สมาธิ ปัญญาเท่านั้นแหละ

 

สัจธรรมๆ มาประพฤติปฏิบัติมีสติขึ้นมา ควบคุมตัวเองขึ้นมา มีศีลขึ้นมา เวลาปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา ปัญญาของเราขึ้นมา ถ้าของเราขึ้นมาเป็นความจริงขึ้นมา อันนี้ต่างหากล่ะ นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์ด้วยอริยสัจ ด้วยสัจจะด้วยความจริงอันนี้ ด้วยสัจจะด้วยความจริงอันนี้ คนที่มีศรัทธาความเชื่อ กษัตริย์ จักรพรรดิที่เขามีอำนาจวาสนาขึ้นมา เขาก็ได้สร้างถาวรวัตถุไว้เพื่อบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งนั้นมันเป็นวัตถุ มันเป็นวัตถุที่เป็นที่เคารพบูชาใช่ไหม

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาพูด ผู้ที่ควรสร้างเจดีย์ๆ ตั้งแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระเจ้าจักรพรรดิ เราก็สร้างกันๆ ไปสร้างขึ้นมาทำไม สร้างขึ้นมาก็เพื่อบุญกุศล บุญกุศลอันนั้นขึ้นมา แต่ผู้ที่คิดเป็นสัมมาทิฏฐิถูกต้องดีงาม

 

ไอ้พวกมิจฉาทิฏฐิ ไอ้พวกความเห็นผิดไง นี่คือแสวงหา นี่คือผลประโยชน์ นี่คือการเชิดชูบูชาเขา นี่ไง สิ่งนั้นไปทำทำไม

 

นี่ไง เวลาพระ เวลาเราเข้าไปวัดไปวา เราต้องการสัจจะ ต้องการความจริง ต้องการรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รัตนตรัยของเรา แก้วสารพัดนึกๆ สิ่งต่างๆ ขึ้นมา พระกระทำเองนะ เวลาสิ่งที่พระก็ต้องพระ

 

เราเคยบวชใหม่ๆ มีคนเขาบอกเลย “ถ้าหลวงพ่อบวชแล้วนะ หลวงพ่อต้องหัดฝึกดูหมอ หลวงพ่อต้องฝึกดูโชคชะตา”

 

นั่นน่ะ ก็แค่นั้น มุมมองของเขาแค่นั้นไง เราไม่ได้บวชมาอย่างนั้น เราบวชมาเพื่อชำระกิเลส เราบวชมาเพื่อเอาชนะตนเอง เราบวชมาเพื่อให้ตัวเองสงบเสงี่ยม ตัวเองเรียบร้อย ตัวเองเพื่อประโยชน์กับตัวเอง นี่ไง ถ้าผลของเราได้นะ ไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่น ถ้าสัจธรรมมันต้องได้หัวใจเราแล้วมันถึงจะได้หัวใจคนอื่น ถ้าหัวใจเราไม่ได้ เอาอะไรไปบอกเขา จำมาๆ จำมาด้วยกันทั้งสิ้น เขาสงสัย เราก็สงสัย เวลาเขาถามปัญหาขึ้นมาด้วยความสงสัย เรายิ่งตอบยิ่งสงสัยมากขึ้นไปใหญ่ ต่างคนต่างสงสัยไง ถ้ามันไม่สงสัยขึ้นมา ทำอย่างไรล่ะ

 

นี่ไง ถ้ามันจะเป็นจริงๆ ขึ้นมา มันต้องทำงานของตนให้เสร็จก่อน ถ้างานของตนให้เสร็จ งานของเราๆ ไง หน้าที่สำคัญคือทำงานเสร็จหรือยังๆ คนทำงานยังไม่เสร็จออกจากบ้านไม่ได้ คนทำงานไม่เสร็จ งานของเราภาระรับผิดชอบในบ้านมหาศาล ทิ้งภาระรับผิดชอบในบ้าน แส่ไปรับผิดชอบเรื่องของคนอื่น งานในบ้านของตนไม่ทำ แส่ไปแต่เรื่องของสังคม เรื่องของภายนอก นี่ไง เบียดเบียนตนและเบียดเบียนผู้อื่น เบียดเบียนตนสิ

 

เวลาคนในครอบครัวทะเลาะเบาะแว้งกัน งานในบ้านไม่ทำ ไปแต่เรื่องข้างนอก กลับมาในบ้านทะเลาะเบาะแว้งกันทั้งนั้นน่ะ นี่ไง มันก็เลยทั้งในบ้านก็ทะเลาะ ทั้งข้างนอกก็ทะเลาะ ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์เลย

 

แต่ถ้าเราทำความจริงๆ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม ทำงานของตนให้เสร็จก่อน ทำงานของตนให้เสร็จก่อน บ้านของเรารับผิดชอบดูแลให้สำเร็จก่อน ถ้าสำเร็จแล้ว สิ่งจากภายนอก เราจะช่วยเหลือเจือจานใครมันเป็นความเมตตา มันเป็นสายบุญสายกรรม สายบุญสายกรรมนะ เวลาเราเอาไปให้เขาด้วยความเมตตาของเขา ไอ้คนที่ระแวงมันไม่รับหรอก ไอ้นี่มันจะหลอกลวงอะไรเรา

 

นี่ไง ถ้าสายบุญสายกรรม ถ้าเห็นไม่ใช่ความหวาดระแวง เราผู้ให้ ให้ด้วยความเมตตาใช่ไหม ไอ้ผู้รับ รับด้วยความเมตตา รับด้วยความขอบคุณ พอขอบคุณแล้วนะ คนเราตกทุกข์ได้ยากนะ มีเศรษฐีหลายๆ คนมากเวลาเขาตกทุกข์ได้ยาก มีคนมาช่วยเหลือเจือจานเขา เขาฝังใจของเขา เวลาเขาฟื้นฟูขึ้นมาได้นะ เขาจะช่วยเหลือคนต่อๆ ไปไง เราหวังว่าให้เขาช่วยเหลือคนอื่นต่อๆ ไป ไม่ได้หวังมาตอบแทนเรานะ

 

อย่าไปหวังว่าตอบแทนเรา เพราะชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด เราจะต้องตายไปข้างหน้า เราต้องชราคร่ำคร่า เราอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว ทำไมเขาต้องมาตอบแทนเรา แต่ไอ้คนทุกข์คนยากอยู่ข้างหน้าอีกมหาศาลนะ ไอ้คนที่ขาดตกบกพร่องน่ะ ขอให้เอ็งมีเมตตากับพวกนั้นเถอะ ขอให้เอ็งมีเมตตากับคนที่ตกทุกข์ได้ยาก

 

นี่ไง เวลาเราช่วยเหลือเจือจานใครไปก็แล้วแต่ ก็อยากให้เขาได้คิดว่าเวลาเขาได้รับการช่วยเหลือเจือจานแล้วเขาจะมีความรู้สึกอย่างไร เขาจะคิดถึงคนที่ทุกข์ยากขึ้นมา เขาจะปรารถนาความช่วยเหลือบ้างหรือไม่ ถ้าเขามีความคิดอย่างนั้น เห็นไหม ส่งต่อๆ กันไปด้วยความเมตตา ส่งต่อๆ กันไปด้วยความสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้องดีงาม ส่งต่อๆ กันไปให้โลกนี้ร่มเย็นไง อย่าให้โลกนี้เร่าร้อนนัก อย่าให้โลกนี้เร่าร้อนนัก โลกนี้มีแต่ความเร่าร้อน มีแต่การเบียดเบียนกันตลอดเวลา

 

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเข้ามาที่นี่ สัจธรรม สัจธรรมที่เราแสวงหากันอยู่นี่ เห็นไหม เราทุกข์เรายากขึ้นมา เรามาวัดมาวาขึ้นมาก็เพื่อเพิ่มบุญกุศลของเรา เพื่อเพิ่มบุญกุศลของเรา ฝึกหัดๆ นี่การเสียสละ เสียสละเป็นอามิส สิ่งที่เป็นอามิส ฝึกหัด

 

สิ่งที่เป็นอามิส อามิสที่หามาก็เกือบเป็นเกือบตายนะ สิ่งที่ได้มาด้วยปากกัดตีนถีบนะ เป็นหน้าที่การงานของเรา เราได้มาเพื่อประโยชน์การดำรงชีพ ปัจจัยเครื่องอาศัย มนุษย์ สิ่งมีชีวิตต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัย เครื่องอาศัยเพื่อให้ชีวิตนี้ดำรงต่อไปได้ ถ้าชีวิตดำรงชีวิตต่อไปได้เพื่ออะไร ชีวิตดำรงต่อไปได้ คนที่มันทุกข์มันยากดำรงไปด้วยความทุกข์ความยากใช่ไหม ดำรงไปด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจใช่ไหม แต่ถ้ามันคนที่มีบุญกุศล สิ่งที่เขาเชิดชูบูชามา ในหัวใจดำรงชีวิตด้วยความสดชื่นดีงามไง ดำรงชีวิตด้วยความสุขไง

 

นี่ปัจจัยเครื่องอาศัยเพื่อดำรงชีวิตใช่ไหม เราก็แสวงหาปัจจัยเครื่องอาศัยนั้นมา แต่สิ่งที่คนที่ตระหนี่ถี่เหนียว คนที่ใจมีแต่ความเห็นแก่ตัวมันก็ว่าของกูๆ รักษาสมบัติของตนไว้ รักษาด้วยการหวงแหนไว้ แล้วเสร็จแล้วก็ไม่เป็นของใครทั้งสิ้นเลย เวลาเขาตายไปแล้วนะ สิ่งนั้นถ้าไม่มีใครรู้จัก มันก็เน่าเสียหายไปนั่นน่ะ มันก็จะเป็นสมบัติของสาธารณะไป แต่ถ้ามันมีลูกมีหลานก็มรดกตกทอดต่อๆ ไป ถ้ามรดกตกทอดต่อไป ถ้าเขาก็ทำความดีขึ้นมาก็เป็นประโยชน์ ถ้าเขาไม่ทำความดีก็เป็นโทษ นี่พูดถึงว่าคนแสวงหา แสวงหามาด้วยความทิฏฐิมานะ ด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยากไง

 

แต่ถ้าคนที่แสวงหาด้วยความเป็นธรรมๆ สิ่งที่เป็นธรรมแล้ว เพื่อตัวเราแล้ว ปัจจัยเครื่องอาศัยก็เพื่อประโยชน์โลกๆ เพราะน้ำใจเขายิ่งใหญ่ไง แต่ถ้าคนที่ฝึกหัดๆ เรามาวัดมาวา ที่เรามาฝึกหัด ฝึดหัดอย่างนี้ไง เราจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็แล้วแต่ การเสียสละ เสียสละเพื่อประโยชน์กับเรา ประโยชน์กับเราเพราะเราเป็นผู้ให้ ผู้ให้สิ่งที่เราแสวงหานี้เป็นของเราแน่นอน เป็นของเราด้วยน้ำพักน้ำแรง แล้วน้ำพักน้ำแรงเราทำไมต้องให้คนอื่นล่ะ น้ำพักน้ำแรงเราจะให้ได้ต้องมีปัญญาไง ปัญญาที่ว่าเราเห็นคุณค่าไง คุณค่า เห็นไหม

 

เราเองเราก็ทุกข์เราก็ยากอยู่อย่างนี้ที่เราแสวงหามา ถ้าเราได้บุญกุศลมา ผู้ที่มีบุญกุศลทำสิ่งใดก็ประสบความสำเร็จ ผู้ที่มีบาปอกุศลขึ้นมาทำสิ่งใดก็ขาดตกบกพร่องไป ที่เราทำสิ่งใดแล้วมันประสบความสำเร็จกับเรามาบ้าง แล้วสิ่งใดที่มันจะจุนเจือใครได้บ้างเพื่อเสริมอำนาจวาสนาของเรา นี่เราพอใจ เราพอใจ เราเต็มใจ เราอุ่นใจด้วยการเสียสละ นี่การฝึกหัดๆ นี่ไง ถ้าการฝึกหัดอย่างนี้ ถ้าคนมีน้ำใจอย่างนี้ คนที่มีน้ำใจนุ่มนวล คนที่มีน้ำใจที่สุขุมรอบคอบ เวลาฝึกหัดแล้วด้วยผลของอามิส ระดับของทาน ระดับของศีล ระดับของภาวนา

 

ถ้ามีจิตใจที่เป็นธรรมๆ ขึ้นมา ถ้าจะเข้ามาสู่การประพฤติปฏิบัติขึ้นมานะ ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติด้วยความทิฏฐิมานะไง จะเอาชนะคะคานกัน จะมีความรู้ความเห็นที่ยอดเยี่ยมกว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ฉลาดเท่าเรา

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขยนี่นะ พุทธปัญญา สิ่งที่อจินไตย ๔ ไม่มีใครมีปัญญายิ่งใหญ่เท่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มี แต่ไอ้กิเลสมันก็อยากยิ่งใหญ่กว่า “พระพุทธเจ้าไม่ฉลาดเท่ากู กูยิ่งใหญ่”...โง่อย่างกับหมาตาย อวดดีนัก

 

ถ้าเป็นจริงๆ เพราะอะไร เพราะมันไม่รู้เท่าทันกิเลสของมันไง ถ้ามันรู้เท่าทันกิเลสของมัน มันจะสังเวชไง มันจะสังเวช มันจะสะเทือนใจ เฮ้ย! กิเลสมันจะทำลายกูได้ขนาดนี้เชียวหรือ เฮ้ย! กิเลสของกูทำไมมันร้ายกาจขนาดนี้วะ นี่ถ้าคนที่เขาคิดได้ เขามีสติปัญญานะ เขาสลดสังเวช สลดสังเวชถึงความคิด สลดสังเวชถึงกิเลสที่มันยุมันแหย่ สลดสังเวช ถ้ามันรู้เท่านะ แต่มันไม่รู้เท่า ไม่รู้เท่าหรอก มันถือว่าตัวมันยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่คือทิฏฐิมานะ ถ้ายิ่งใหญ่อย่างนี้ นี่ไง สิ่งที่อัตตา แล้วมันจะทำสมาธิได้อย่างไร มันทำความสงบได้อย่างไร มันทำความสงบของมันไม่ได้หรอก

 

ทำความสงบเข้ามา เห็นไหม มันไม่มีสิ่งใดเลย แค่พุทธะๆ ถ้าจิตสงบมา จิตไม่พาดพิงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ถ้ามันจะไม่พาดพิงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น มันต้องฉลาดถึงกับทรงตัวมันเองได้ ถึงจะไม่พาดพิง

 

ไอ้นี่มันโง่อย่างกับหมาตาย มันจะทรงตัวมันเองได้อย่างไร พุทโธก็ไม่ได้ คิดก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ คิดก็ทุกข์ พุทโธก็ไม่ต้องการ อะไรไม่ได้ มันพึ่งใครไม่ได้เลย แล้วมันก็ทรงตัวไม่ได้ด้วย มันพึ่งตัวเองไม่ได้ แล้วมันก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วมันมาจากไหนล่ะ มาจากวาสนาไง วาสนาคนทำไว้ต่ำต้อย คนทำไว้ต่ำต้อย คนที่ไม่มีหลักเกณฑ์

 

คนคนนี้คนที่สร้างอำนาจวาสนามานะ เขามีความรู้ความเห็นไง ธรรมะเป็นธรรมชาติก็นี่แหละ ธรรมะเป็นธรรมชาติคือผู้ที่มีปัญญามองด้วยสติปัญญามันเป็นธรรมไปทั้งหมดเลย พอมันเป็นธรรมไปทั้งหมดเลย มันสังเวชมากนะ มันสังเวช ธรรมสังเวช

 

ไอ้เรามันทุกข์ยาก มันโศกสลดไง มันไม่ได้สังเวช มันไม่ได้ธรรมสังเวช คำว่า “ธรรมสังเวช” มันสะเทือนหัวใจมาก สะเทือนหัวใจ เราก็เป็นอย่างนี้มาทั้งนั้นน่ะ แล้วไม่ใช่เป็นอย่างนี้ธรรมดานะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาบอกว่าผลของวัฏฏะๆ ท่านเคยเกิดเคยตายมาขนาดไหน ตกนรกอเวจีมาขนาดไหน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยเป็นมาทั้งนั้น

 

ไอ้สิ่งที่เขาทุกข์เขายากกันมา ถ้าเราทำอย่างนั้นก็เป็นอย่างนั้น ถ้าเราโง่ ถ้าเราโง่ เราไม่รู้จักแยกแยะ เราก็จะเป็นอย่างนั้น ถ้าเราฉลาด เราแยกเราแยะสิ่งที่ความชั่วไม่ทำๆ ทำแต่คุณงามความดี

 

ทำคุณงามความดี สมัยนี้เขาเย้ยหยันกัน ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป

 

แล้วมันมีที่ไหน ทำชั่วแล้วได้ดี ไอ้ที่ทำชั่วๆ ที่ทำชั่วกันอยู่นั่นเพราะมันมีบุญเก่า คือมีบุญเก่า คำว่า “บุญเก่า” คือมีโอกาสและจังหวะ โอกาสและจังหวะ อำนาจวาสนาของคนคือโอกาสที่เขาได้รับตำแหน่งอย่างนั้น ได้มีอำนาจวาสนาอย่างนั้น แต่เขาไม่มีสติปัญญาสามารถดูแลคุ้มครองสติปัญญาของเขาให้เขาทำดีต่อไป แล้วถ้าเขาทำอย่างนั้น ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป เพราะคนชั่วๆ มันได้ดิบได้ดีมหาศาลที่เราเห็นกันอยู่นั่นน่ะ คนชั่วๆ เราก็เห็นมันชั่ว แต่วาระที่เขาจะได้อย่างนั้นมันมาจากไหน

 

นี่พูดถึงว่า ถ้ามันมีสติปัญญามาแยกแยะของมันได้ มันทำโอกาสของมันๆ โอกาสของมัน ถ้ามันขึ้นมา ขึ้นมาจนมีอำนาจวาสนาแล้ว นี่ไง ถ้าคนที่มีโอกาส ทุกคนบอกคนนู้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่ดี

 

ลองให้มึงมีโอกาสบ้างสิ กูเอาคนเดียวเลยแหละ โอกาสกูมาแล้ว นี่ถ้ามันอ่อนแอมันอ่อนแออย่างนั้นน่ะ

 

แต่ถ้ามันมีความจริง มีสัจจะมีความจริงขึ้นมา ถ้ามีโอกาสขึ้นมาก็เป็นรัฐบุรุษ รัฐบุรุษขึ้นมา เขาดูแลนะ ดูแลสังคม เขาถึงได้เป็นรัฐบุรุษ แล้วน้อยคนนักที่ได้เป็นรัฐบุรุษ แล้วใครๆ ก็อยากจะเป็นรัฐบุรุษ

 

รัฐบุรุษก็กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมนั่นน่ะ กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรม กลิ่นของความดีของเขานั่นแหละเขาจะเป็นรัฐบุรุษ เพราะเขายอมรับกันโดยความรู้สึก เขายอมรับกันโดยหัวใจ เขาไม่ได้ยอมรับโดยกฎหมาย ไม่ได้ยอมรับโดยอิทธิพล แต่ถ้าเป็นอิทธิพลในทางบวก

 

นี่พูดถึงฟังธรรมๆ ถ้าฟังธรรม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งใหญ่ เราจะบอกว่าธรรมะยิ่งใหญ่มาก ความจริงธรรมะยิ่งใหญ่มากจากศีล สมาธิ ปัญญา ศีล สมาธิ ปัญญาที่เป็นมรรคที่เข้าไปค้นคว้า ค้นคว้ากระจ่างแล้วในหัวใจนั้นยิ่งใหญ่นัก

 

แต่ถ้ามันยังไม่ถึงตรงนั้น เราต้องปากกัดตีนถีบ เราต้องพยายามสร้างสมกันขึ้นมา สร้างสมขึ้นมา เวลาครูบาอาจารย์ท่านปฏิบัตินะ พวกเรา ภาษาเราเลยนะ อ่อนแอมาก เวลาครูบาอาจารย์ สมัยครูบาอาจารย์นะ สละตายๆ ทั้งนั้นน่ะ พวกเราเห็นแล้วมันแบบว่า โอ๋ย! ต้องขนาดนั้นเชียวหรือ อย่างนั้นเกินไปหรือไม่

 

แต่คนเวลาเอาจริงเอาจังขึ้นมามันฟากตายทั้งนั้นน่ะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสลบถึง ๓ หน ไอ้เรา การกระทำของเราทำขนาดไหน นี่ไง กว่าจะได้ธรรมะนั้นมา เราทำอะไร เราซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ทั้งนั้นน่ะ เรียกร้องความช่วยเหลือจากใครก็ได้ แต่การปฏิบัติต้องทำด้วยตัวเอง ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ด้วยกำลังสัจจะความจริงในใจของตนเท่านั้น ใครจะมาช่วยเหลือเจือจาน

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแค่ชี้ทางเท่านั้น เรามีอำนาจวาสนาเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา แล้วพระพุทธศาสนาเจริญอีกหนหนึ่ง เจริญช่วงและเวลานี้ ยุคทองๆ ยุคทองถ้าพ้นไปแล้วนะ ต่อไปพระจะหยำเปยิ่งกว่านี้ ผู้ที่ปฏิบัติหยำเปอย่างนี้ ใครมันจะเป็นตัวอย่างที่ดีได้อย่างไร

 

คนที่จะประพฤติปฏิบัติขึ้นมาเขาต้องการตัวอย่างที่ดี เขาต้องการหลักเกณฑ์ที่ดี แล้วหลักเกณฑ์ไม่มี ทุกคนไม่มี ยุคทองมันจะผ่านพ้นไปนะ กึ่งพุทธกาล ยุคทองมันจะผ่านไป แล้วพอมันผ่านไป ตอนนี้มีแต่ยุคเปรตยุคผี เราจะทุกข์จะยากขึ้นมาแล้ว เรามีสติปัญญาหรือไม่ เรามีวาสนามากน้อยแค่ไหน สติปัญญาเตือนตรงนี้ขึ้นมา

 

นี่พูดถึงว่า เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา สัจธรรมยิ่งใหญ่ อย่างเบี่ยงเบน นี่ไง จะไปสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นมา นี่วัตถุ จากธรรมะมันจะเบี่ยงเบนไปหาวัตถุแล้วนะ เพราะอะไร เพราะวัตถุมันของหาได้ง่ายๆ ของมันจับต้องได้ ธรรมะนี่ใครไม่รู้จักหรอก เทศน์ทั้งวันทั้งคืน เขาว่าไอ้นี่บ้า โอ้โฮ! พอไปเห็นเจดีย์เดียว โอ้โฮ! กราบแล้วกราบอีก แต่เทศน์ทั้งวันมันยังว่าไอ้นี่บ้า

 

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ การบันลือสีหนาทนี้ยิ่งใหญ่นัก ธรรมมันกระจายไปทั่ว ธรรมมันจะกระจายไปได้ มันกระจายออกมาจากหัวใจที่เป็นธรรม หัวใจที่เป็นกิเลสพูดสิ่งใดก็แล้วแต่ สุดท้ายแล้วผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น แต่ถ้าเป็นธรรมๆ ไม่เป็นจริง ถ้าเป็นธรรม ไม่ต้อง นี่มันเป็นธรรม เป็นสัจธรรม

 

นี่ไง ขอให้เธอมีหัวใจ มีน้ำใจต่อสังคม ต่อคนต่อๆ ไป ผู้ที่ทุกข์ยากที่เธอจะดูแลรักษา เพื่อจะสร้างอำนาจวาสนาบารมีของเธอ นั้นจะเป็นประโยชน์กับเธอ เอวัง